วันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ศิวิไลย์ตอนปลาย


2.ศิวิไลย์ยุคปลาย



ความเจริญด้านเทคโนโลยีของมนุษย์โลก ณ.เวลานี้      พัฒนาการอยู่ระหว่างกลางและยังสามารถพัฒนาไปได้อีกเท่ากับระยะเวลาที่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบันจึงจะสิ้นสุดพัฒนาต่อไปไม่ได้      จะถดถอยล่มสลายลงไปเรื่อย ๆ จนเข้าสู่ยุคมิคสัญญี

ณ.ปัจจุบันี้สังคมโลกกำลังปรับตัวทางด้านความคิด เป็นเวลาทบทวนและสรุปบทเรียนที่ผ่านมา  จะเป็นการผ่องถ่ายกลุ่มผู้นำเป็นคนรุ่นใหม่   เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งที่ยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุดของโลกอีกครั้งซึ่งจะนำไปสู่ความเป็นศิวิไลย์อีก ระดับขั้นหนึ่ง    ที่มีการพัฒนาการสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ความพยายามขัดขวางมิให้ผู้นำกลุ่มใหม่ขึ้นมามีบทบาทของกลุ่มอำนาจเก่า จะกินเวลาอยู่ไม่เกิน 5 ปี  เท่า ๆ กับสงครามครั้งใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นระหว่างโลกตะวันตกกับกลุ่มลัทธิคลั่งศาสนาหัวรุนแรงชาวอิสลาม    กลุ่มคนรุ่นใหม่จะนำระบบธรรมาธิปไตยมาปกครองโลก เป็นกลุ่มคนที่มองเห็นโทษของเทคโนโลยี เห็นคุณประโยชน์ของศาสนา และเข้าใจโลกของจิตวิญญาณ พวกเขาจะฟื้นฟูศีลธรรมควบคู่กับพัฒนาวัตถุไปอย่างคู่ขนาน และมีความพยายามอนุรักษ์ธรรมแวดล้อมถนอมทรัพยากรของโลกให้มีใช้อย่างยาวนานที่สุดมากเป็นพิเศษ

ศูนย์กลางการนำจะเปลี่ยนกลับไปอยู่แถบดินแดนของทวีปเอเซียเป็นเมืองที่มีพื้นที่ลึกเหนือขึ้นไป แผ่นดินใหญ่ไม่อยู่แต่เพียงตามชายฝั่งทะเลมหาสมุทรเหมือนเดิม      สามารถสร้างระบบการบริหารขึ้นมาได้ใหม่ เพราะที่เดิมมีระบบโครงสร้างที่ใช้พลังงานมากเกินไปและถูกทำลายไปหมดระหว่างสงคราม     ไม่สามารถจะรื้นฟื้นสร้างขึ้นมาได้อีกเพราะเศรษฐกิจล่มสลายจากสงครามที่ศัตรูมุ่งทำลายเฉพาะที่เป็นศูนย์กลางธุรกิจแหล่งผลประโยชน์โดยตรงเท่านั้น

ประเทศที่มีดินแดนอยู่ห่างไกลจากศูนย์กลางของความขัดแย้งกลับเจริญมั่งคั่งขึ้นมาแทน      ถึงแม้เศรษฐกิจโดยรวมทั่วโลกจะตกต่ำอย่างรุนแรงก็ตาม      ประเทศนี้จะร่ำรวยจากการปล่อยเงินให้กู้     แก่เหล่าบรรดาประเทศที่เคยเป็นคู่แข่งทางการค้านำไปฟื้นฟูประเทศในทุก ๆ ด้านสร้างชาติขึ้นมาใหม่หลังจากสงครามสิ้นสุดลง      แต่มหาอำนาจใหม่ของโลกนี้จะพัฒนาก้าวหน้าแต่ด้านวัตถุอย่างเดียว      กลับไม่สนับสนุนกิจกรรมของสถาบันศาสนาเพราะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นต้นเหตุของความขัดแย้งทำให้เกิดสงคราม      ดั่งตัวอย่างที่พึ่งจะยุติลงไปไม่นาน

ส่วนประเทศที่เป็นกลางส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธองค์กรทางศาสนาจะมีบทบาทเผยแผ่พระพุทธศาสนาออกได้กว้างไกล      อย่างไม่มีอุปสรรคขัดขวางอีกต่อไป    ประกาศศาสนาพุทธเป็นสากลแก่ทุกประเทศ      ทุกคนเพียงมีพื้นฐานมั่นคงด้านศีลธรรม      อันเป็นหลักธรรมเบื้องต้นที่เหมือนกันทุกศาสนาก็สามารถเข้าใจธรรมอันละเอียดของพระพุทธเจ้าได้เท่าเทียมกันหมด    เพราะทุกคนได้ผ่านประสบการณ์เห็นผลลัพธ์ของการยึดมั่นเปลือกนอกของศาสนาจนเกิดหายนะ  ฉิบหายกันไปทั้งสองฝ่าย    จึงทำให้เข้าถึงคำสอนของพระพุทธเจ้าได้ง่ายขึ้น ดังนั้นกลุ่มประเทศเหล่านี้จะพัฒนาประเทศอย่างเรียบง่ายพลิกฟื้นปฐพีเป็นสีเขียว    เปลี่ยนโครงสร้างสังคม   ทำให้สังคมน่าอยู่  ประชาชนสามารถมีความสุขได้มากกว่าสังคมเก่ามาก
และทั้งสองฝ่ายจะเป็นคู่ขัดแย้งกันที่สำคัญในระดับต่อไป    ระหว่างกลุ่มประเทศที่มีประชาชนนั่นคือศาสนากับมหาอำนาจไร้ศาสนา    ผลของสงครามจะทำลายความศิวิไลย์ของมวลมนุษย์ที่สร้างมาสูญสลายไปหมดหมดสิ้น

ไม่มีความคิดเห็น: