วันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

พระโพธิสัตว์กลุ่มที่ 2 นักพรตและนักบุญ

พระโพธิสัตว์กลุ่มที่ 2 นักพรตและนักบุญ 

การติดต่อกับวิญญาณของเหล่าพ่อมด หมอผีเป็นการเชื่อมต่อคลื่นพลังจิตที่มีขนาดความถี่หรือความละเอียดเท่ากัน ผู้ที่ทำต้องมีสมาธิสามารถควบคุมจิตปรับคลื่นหรืออารมณ์ให้เป็นหนึ่งในขณะที่สื่อสารกัน คำพูดหรือภาษาที่ออกมาจากปากของพ่อมดหมอผีจะเป็นได้ทั้งของเขาเองและวิญญาณ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นวิญญาณที่ต้องการจะสื่อมากกว่า     ซึ่งจะใช้เวลาไม่มากนักประมาณ 10-20 นาทีเท่านั้น ที่เกินไปกว่านี้จะเป็นคำพูดที่พยายามอธิบายของผู้เป็นร่างทรงหรือพ่อมดหมอผีตามความเข้าใจ เพื่อเป็นไปตามความประสงค์ต้องการของเจ้าของพิธีการ 

บรรดาพ่อมดหมอผีหรือร่างทรงไม่มีความสามารถจะรู้แท้จริงว่าวิญญาณที่มาสื่อสารด้วยนั้นเป็นใคร เป็นเทวดาหรือผีชั้นภพภูมิใด พวกเขาจะบอกว่าอย่างใดหรือเป็นอะไรก็ได้ จิตที่ละเอียดกว่ามีอำนาจเหนือ สามารถแทรกแซงจิตที่หยาบโดยเฉพาะมนุษย์ทุกคน ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเทวดาหรือผีก็เข้ามาติดต่อผ่านได้ พวกเขาก็อยากจะบอกให้ลูกหลานบริวารญาติมิตรให้รับรู้สภาพของบรรพบุรุษเป็นอย่างไร    และจะต้องทำอะไรหรือปฏิบัติตนเช่นใด     จึงมาอาศัยพ่อมดหมอผีซึ่งเป็นพวกเทวดาพระโพธิสัตว์มาเกิดเพื่อช่วยเหลือโดยเฉพาะ   

ความไม่รู้ไม่เข้าใจคือความเพียรที่จะต้องขวนขวายศึกษาหาความรู้เพื่อตอบคำถามตนเองและอธิบายให้คนอื่นเข้าใจ เป็นลำดับขั้นตอนเรียนรู้จากการปฏิบัติของบรรดาเทวดาในชั้นนี้ที่ลงมาสร้างบารมี 

นักพรต   เป็นเทวดาพระโพธิสัตว์พวกหนึ่งที่พากันบำเพ็ญในป่าเขา   ใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติ ศึกษาหาความรู้ด้านจิตวิญญาณและศาสตร์ด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะการรักษาโรคด้วยสมุนไพร พวกเขาทั้งหลายเป็นต้นเง้ารากทุก ๆ ศาสตร์วิชาในเวลาต่อมา  และพากันต่อยอดสืบต่อเป็นรุ่นต่อรุ่น  และที่มนุษย์ได้อยู่รวมกันเป็นชุมชน และสังคม  จึงมีการแบ่งงานแบ่งหน้าที่  ปัญหาที่อยู่ทำกิน   ที่ดินอาศัย  และโรคภัยไข้เจ็บ    เหล่านี้ล้วนเป็นเหตุปัจจัย     ให้เกิดการพัฒนาวิชาการความรู้เพื่อใช้และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น   พวกเขาต่างพากันหมุนเวียนมาเกิด   และทุกครั้งก็จะมาพัฒนาการวิชาการต่อจากของเดิมที่ตนเองได้คิดค้นทิ้งไว้ก่อนตาย คือเป็นหน้าที่ของแต่ละตนที่เริ่มต้นไว้ต้องดำเนินต่อจนจบ ซึ่งนอกจากจะเป็นไปตามคำอธิษฐานแล้วยังเป็นวิถีทางการสร้างบารมีของแต่ละคนด้วย 

ส่วนเส้นทางการสร้างบารมีและเรียนรู้ของพระโพธิสัตว์สายนักบุญ   มักปรากฏเป็นผู้นำ เช่นเป็นผู้นำเผ่า หัวหน้ากลุ่มต่าง ๆ มีบทบาทพาผู้คนต่อสู้  เป็นนักปกครอง  และการทหาร   สร้างบารมีด้วยการสร้างหรือแย่งบ้านชิงเมือง     และรวบรวมผู้คนเป็นสังคม      แบ่งสรรปันส่วน       จัดระเบียบ       สร้างกฏเกณฑ์ มีการนำศาสตร์วิชาความรู้จากแหล่งต่าง ๆ ที่แย่งได้มา และวิชาที่คิดค้นคว้าเองมาทำให้เกิดประโยชน์แก่ส่วนรวม    เส้นทางนี้มีทั้งสร้างและทำลาย  ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมากจากวิถีทางบำเพ็ญบารมี เป็นผู้ต้องรับผลกรรมในฐานะตัวการทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น แม้เป็นความตั้งใจดี        แต่ได้สร้างความพอใจและความเสียใจให้เกิดขึ้น         เส้นทางนี้จึงเป็นมหาวิบากยิ่ง เพราะได้เปิดโอกาสและช่องทางให้นักสร้างบารมีทั้งหลายได้ทำหน้าที่กันทุกคน เป็นการเสียสละอย่างมาก       เป็นเส้นทางของพระมหาโพธิสัตว์ 

ยุคโพธิสัตว์  เป็นช่วงระยะที่มนุษย์มีพัฒนาการมากทุกด้าน ศิลปวิทยาการมีทั้งการเริ่มต้นและถ่ายทอดตลอดจนนำมาปรับใช้ในสังคมมากขึ้น  

ธรรมชาติ สภาพแวดล้อมภูมิประเทศภูมิอากาศ อาหารการกินมีส่วนกำหนดให้มนุษย์มีรูปร่าง ลักษณะ อุปนิสัย ผิวสีและแม้กระทั่งการสืบพันธุ์ มีความผิดแตกต่างจากที่เริ่มต้นเหมือนกัน ยิ่งนานวันจำนวนผู้คนมากขึ้น    ความคิดก็มากตาม  จากแต่เดิมที่ว่างเปล่า ความแตกต่างและความไม่เท่าเทียมกัน  เป็นแรงผลักดันให้สังคมมนุษย์ได้พัฒนาไปข้างหน้าตลอดเวลา แต่ทุกอย่างที่มนุษย์ทำขึ้นมา ทุกกรณีเป็นไปเพื่อตอบสนองความต้องการในเรื่องความเป็นอยู่ที่สุขสบายทั้งสิ้น 

ธรรมชาติได้จัดสรรให้แต่ละส่วนทั้งหมดในโลกนี้ต้องพึ่งพากัน     ไม่มีความสมบูรณ์หรือพอดี ทุกอย่างเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน จะมีปัจจัยรวมกันเมื่อถึงเวลาของมันเองอย่างเป็นขั้นตอน   จนไปสู่การเปลี่ยนแปลง พวกเทวดาโพธิสัตว์มักจะมาทำหน้าที่จัดการแก้ปัญหา   ณ.เวลานั้นเสมอ    เข้าไปจัดการเรื่องใด   จะเป็นการเรียนรู้เรื่องนั้นและได้เพียงเรื่องเดียวในชาติหนึ่ง ๆ   
พวกนี้จึงเป็นเทวดาขยันมาเกิด อายุขัยไม่ยืนยาวเท่ากับพวกอื่น  เมื่อหมดภาระหน้าที่มักจะตายลงหลังจากนี้  ความรู้ความเข้าใจของพวกเขายังไม่เพียงพอ ยังต้องเรียนรู้อีกมาก    ดังนั้นจึงทำให้คำสอนของพระโพธิสัตว์ที่เป็นลัทธิ หรือสำนักนิกายในยุคต่าง ๆ ไม่ถูกต้องสมบูรณ์      เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ได้รู้มา     จึงต้องลงมาเกิดเพื่อเรียนรู้ให้ถึงที่สุด

ไม่มีความคิดเห็น: