ทางวิชาดาราศาสตร์
นักดาราศาสตร์สันนิษฐานว่า โลกของเราและเพื่อน ๆ ดาวเคราะห์อีก 8 ดวง
เกิดจากการรวมตัวของกลุ่มฝุ่นและแก๊สขนาดใหญ่ที่หมุนวนรอบกันเองอยู่ในอาวกาศ ที่เรียกว่า เนบิวลา ด้วยแรงดึงดูดระหว่างมวลสารด้วยกัน จึงทำให้ส่วนใหญ่ถูกดึงเข้าสู่ศูนย์กลาง คล้ายการหมุนหรือกวนน้ำในอ่าง นานเข้าจะทำให้ฝุ่นละอองมารวมกันตรงกลาง และจุดตรงกลางนั้นจะกลายเป็นดวงอาทิตย์
ฝุ่นละอองแก๊สที่เหลือจะแยกเป็นดาวเคราะห์ทั้ง 9
ดวง รวมทั้งโลกมนุษย์เอง มันรวมตัวกันด้วยแรงดึงดูดอันมหาศาล เมื่อประมาณ
4,600 ล้านปีมาแล้ว และทั้งหมดยังหมุนเวียนกันอยู่เป็นวงโคจรอยู่เหมือนเดิมเป็นระบบสุริยะจักรวาลในปัจจุบัน
ตำนานไทย
ตำนานเกี่ยวกับกำเนิดโลกของชาติไทยจะแทรกปะปนทั่วไปในเรื่องพระพุทธประวัติ ความเป็นมาของคนไทยและเรื่องราวเกี่ยวกับโลกจะเรียบเรียงเป็นตำนานการบำเพ็ญบารมีของพระพุทธเจ้าขณะยังทรงเป็นพระโพธิสัตว์อยู่ ที่พระองค์ท่านต่างลงมาบำเพ็ญเพียรสะสมบารมีเพื่อให้ครบทั้ง 30 ทัศ บรรพบุรุษชาวสุวรรณภูมิทั้งหมดได้เล่าเรื่องราวและสืบสานกันมาจนถึงปัจจุบัน เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่างยุค ต่างสมัยกันแต่ทั้งหมดอยู่ในดินแดนสุวรรณภูมิ คนโบราณมักจะบันทึกเรื่องราวเป็นโครง – กาพย์ – กลอน และมักนำมาร้องรำบนเวทีในโอกาศพิเศษ เช่นเทศกาลสำคัญทางศาสนา นอกนั้นจะใช้เป็นหลักสูตรในการเยนของนักบวชในพระพุทธศาสนากับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ กษัตริย์และพวกขุนนางเท่านั้นตัวอย่างเช่น หนังสือพระเจ้า 500 ชาติเป็นต้น เรื่องราวทั้งหมดคือการสร้างบารมีของพระโพธิสัตว์ก่อนที่จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าจะต้องทนทุกข์ทรมานเช่นไร ส่วนสถานที่เป็นชื่อเมืองต่าง ๆ ก็คือเมืองโบราณต่าง ๆ ที่เหลือแต่เพียงซากปรักหักพังที่มีอยู่กลาดเกลื่อนทั่วไปทั้งภูมิภาค ซึ่งบางแห่งยังมีให้เห็นบ้างเล็กน้อย
ดังนั้นประวัติศาสตร์ที่แท้จริงของชนชาติไทยกับประวัติพระพุทธศาสนาจึงแยกกันไม่ออก ไม่ชัดแจ้งในศาสนาพุทธก็ไม่รู้จักคนไทยดี
ในตำนานของไทยอธิบายไว้ว่า
โลกของมนุษย์นี้เดิมก็มีอยู่นานแล้วและเคยได้แตกสลายไปพร้อม ๆ กันทั้งหมด แล้วก็เกิดขึ้นมาอีกนับครั้งไม่ถ้วน
จึงมีภาษาที่ใช้เรียกคำว่านับไม่ถ้วนหรือนับไม่ได้ว่า “ อสงขัย”
การแตกกันไปทุกครั้งทั้งหมดของระบบสุริยะก็จะกลายเป็นกลุ่มละอองฝุ่นแก๊สสีขาวเงินใหญ่มหึมาลอยเวิ้งว้างหมุนวนรอบกันเองในอาวกาศ (หรือ เนบิวลานั่นเอง) จะนานสักเท่าใดไม่สามารถประมาณได้ ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ ซึ่งมีระบบและกฎเกณฑ์ของมัน การอุบัติของโลกพร้อม ๆ
กับดวงอาทิตย์และบรรดาดาวเคราะห์ทั้ง
8 ดวง ในระบบเริ่มแรกเดิมที่จะเป็นผืนน้ำก่อนที่จะมีผืนดิน และเนิ่นนานอีกเท่าใดไม่รู้ถึงจะเย็นพอที่บรรดาสรรพชีวิตจะมาเกิดอาศัยได้
สรุปว่ากำเนิดโลกตามตำนานไทยดั้งเดิมโบราณกับนักวิทยาศาสตร์ทุกแขนงมีความเห็นที่สอดรับกัน แตกต่างกันในรายละเอียดที่พิสูจน์ไม่ได้เท่านั้น การมีข้อสันนิษฐานใหม่
ๆ เกิดขึ้นภายหลังจากมีอุปกรณ์สิ่งประดิษฐ์
ที่เป็นวิวัฒนาการของเทคโนโลยีแม้จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่าใด ยิ่งจะเป็นการยืนยันความถูกต้องของตำนานไทย และกำลังหักล้างข้อสมมุติฐานเดิมๆของนักวิทยาศาสตร์รุ่นแรก
ๆ เสียมากกว่า
อัคคัญญสูตร ทีฆนิกาย ปาฎิกวัคค
สุตตันตปิฎก เล่ม 11/87-107
กำเนิดสรรพชีวิต