เส้นเดินทางของมนุษย์มีวิถีวงจรเป็นวงกลมตามจิตวิญญาณ ที่พาร่างกายและสังขารท่องเที่ยวไปเหมือนไร้จุดหมาย
แต่เมื่อได้สักระยะหนึ่งและเพียงครั้งเดียว
ธรรมจะจัดสรรให้พบกับผู้เป็นสรรพภัญญู ตรัสรู้
คือรู้แจ้งเห็นจริงทุกประการ
และบอกมนุษย์ทั้งหลายว่าการเกิดมาของมวลสรรพสัตว์นั้นล้วนเป็นทุกข์ทั้งสิ้น
ไม่มีอะไรแน่นอน ทุกอย่างเป็นไปเพราะจิตดวงเดียวทำให้คิด
ทำให้เป็นทุกอย่าง หยุดที่ความคิดคือหยุดทุกอย่าง แม้วงโคจรของชีวิตก็ยุติถาวร
และเพียงเริ่มต้นจากตัวเราเป็นหลัก มีใจคิดไปลบล้างสัญญาทั้งหลายในจิตวิญญาณเท่านั้น
นอกนั้นเป็นเพียงผู้ช่วย ซึ่งต้องฟังประธานคือใจของเราซึ่งมีด้วยกันทุกคนเพียงเท่านี้ก็สามารถเห็นความจริงได้หมด และเห็นธรรมของพระพุทธเจ้าได้
เมื่อศาสนาได้เกิดขึ้นแล้วเป็นครั้งแรกบนโลก
ทำให้สังคมมนุษย์ยุคนั้นยุติความเชื่อและเข้าใจแบบเดิมที่ตกทอดกันมาชั่วระยะเวลาหนึ่ง
ทุกแห่งหนที่มนุษย์รวมกลุ่มเป็นสังคม มีประเทศต่างก็มีโอกาศรับเอาธรรมคำสอนไปปฏิบัติตาม และบรรลุธรรมสำเร็จเป็นพระอรหันต์กัน
และบรรลุตามลำดับ เป็นขั้นกลางและขั้นต้น คอยเป็นระดับชั้นสืบสานต่อให้คนรุ่นหลังเป็นทอด
ๆ ไม่ขาดสาย
เพราะธรรมของพระพุทธเจ้ามีความละเอียดลึกซึ้งจะเข้าใจง่ายหรือยากเป็นไปตามระดับความรับรู้
ทุกคนมีสภาวธรรมแตกต่างกัน ไม่สามารถจะสอนให้เข้าใจได้พร้อมกันทีเดียว
ความสามารถของผู้ถ่ายทอดและผู้รับฟังก็มีความสำคัญเป็นปัจจัยหนึ่งในการจะเข้าถึงธรรมหรือไม่
ศาสนสถานเช่น วัด วิหาร โบสถ์ ศาลา สถูปเจดีย์
ถูกสร้างขึ้นมาพร้อม ๆ กับศิลปการแสดงเกี่ยวกับประวัติเรื่องราวคำสอน มีความสวยงามหลากหลายรูปทรง
มีแง่มุมทางความคิด ตามความรู้สึกเข้าใจของนายช่างแต่ละคน
เพื่อสื่อสะท้อนในทิศทางเดียวกัน เป็นกระแสความตื่นตัวของผู้คนหลังจากมีความสงบสุขเกิดขึ้นแล้วในหมู่มวลมนุษย์แทนการคิดค้นสร้างอาวุธคอยประหารกัน
กลับมาแข่งขันสรรสร้างผลงานทางความคิด เป็นวรรณกรรมและศิลปทางวัฒนธรรม ความเจริญทางด้านวัตถุที่ก้าวล้ำนำหน้าในบางกลุ่มประเทศหยุดชะลอลง
กระแสอารมณ์ของผู้คนในแผ่นดินที่มีเพียง 1 ใน 8 ส่วนของโลกเท่านั้น คลั่งใคร้กับความรู้ใหม่จึงทำให้เกิดมี
-พระธรรมคำสอน
ถูกนักปราชญ์ประพันธ์เป็นร้อยแก้วร้อยกรองใช้
ร้องยกย่องสรรเสริญพระองค์ที่มีบุญคุณต่อมนุษย์
-พระธรรมคำสอน
ถูกนำมาแต่งเป็นบทสวดมนต์ไว้ท่องเพื่อให้เกิด
ความทรงจำและเป็นการบันทึกในจิตวิญญาณของมนุษย์อย่างถาวร
ยุคศีลธรรมเฟื่องฟูในสังคมมนุษย์อยู่นานเท่าใดไม่ได้บอกไว้แต่ประมาณว่าหลายชั่วอายุคน
ความอุดมสมบูรณ์อยู่ดีกินดีเกิดขึ้นทุกชนเผ่า เพราะผู้คนประพฤติดี ทำดี แต่ขณะเดียวกันก็เพาะบ่มความอ่อนแอให้เกิดขึ้น คนรุ่นหลังได้รับความสะดวกสบาย บรรพบุรุษจัดการทุกอย่างให้จึงขาดแรงจูงใจไม่มีความกระตือรือร้น
จนเกิดความประมาทและอวดดีแทน
ศีลธรรมเริ่มเสื่อมถอย จนกระทั่งหมดไปโดยเฉพาะในเผ่าประเทศแหล่งกำเนิดของศาสนา
แต่กลับมาเจริญงอกงามและรุ่งเรือง ณ.ดินแดนสุวรรณภูมิแทน ส่วนในอาณาจักภูมิภาคอื่น
ชนเผ่าส่วนน้อยด้อยพัฒนาที่เคยถูกเอาเปรียบกดขี่ข่มเหง
เกิดช่องว่างมีโอกาศรวมตัวกัน จนเข้มแข็งสามารถต่อสู้ปลดปล่อยตนเองเป็นอิสระ
บางแห่งมีความเข็มข้นและรุนแรงมากถึงขั้นล้มล้างขับไล่กันจนต้องแสวงหาดินแดนที่อยู่ใหม่แยกออกไปเริ่มต้นสร้างอาณาจักรต้นใหม่ขึ้นมาอีก
ความเจริญทางด้านวัตถุได้ถูกพัฒนาขึ้นอย่างรีบเร่งจากความจำเป็นเฉพาะหน้าของคนรุ่นใหม่
ๆ เกิดแนวทางทฤษฏีที่สร้างขวัญกำลังใจเพื่อความอยู่รอด
ทั้งการต่อสู้กับทั้งธรรมชาติและศัตรูที่เป็นมนุษย์ด้วยกัน สภาพแวดล้อมสังคมที่พัฒนาเปลี่ยนไป
มีความยุ่งยากซับซ้อนมากขึ้น เกิดรูปธรรมและสมมุติใหม่ เริ่มอธิบายตีความขัดแย้งกันมากตามทำให้เกิดค่ายหรือสำนัก
บางสำนักมีผู้นำเป็นที่พึ่งของคนกำลังเดือดร้อน
และสามารถช่วยแก้ปัญหาได้เป็นกลุ่มเป็นก้อนจะกลายเป็นผู้นำธรรมชาติ
คำพูดของเขาเหมือนกฏหมายและศักดิ์สิทธิ์ ผู้คนเกรงกลัวยกย่อง
คำชี้นำและบอกกล่าวไม่ต้องอธิบายก็เป็นที่ยอมรับกลายเป็นคำสอนของผู้นำซึ่งอ้างแต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์เกิดเป็นลัทธินิกาย
แทนศาสนานับแต่นั้นมา
เมืองทองเป็นกลุ่มประเทศในสุวรรณภูมิที่มีความขัดแย้งในสังคมไม่รุนแรง มีความสงบ
รักษาความสมดุลระหว่างวัตถุกับศีลธรรมให้ควบคู่เท่าเทียมกันดี แต่กลุ่มประเทศที่มีถิ่นอาศัยอยู่ใจกลางทวีปผืนแผ่นดินใหญ่ วัตถุจะเจริญกว่าศีลธรรม ทำให้ต่างต้องพึ่งพาอาศัยถ่ายทอดความรู้กันอยู่บ่อย
ๆ และบางโอกาศเป็นการมาปกป้องรักษาไม่ให้ศัตรูมารุกรานย่ำยีทำลายได้ เพราะมีโคตรวิญญาณบรรพบุรุษเดียวกันเพียงแยกครอบครัวออกไปหาที่ตั้งบ้านใหม่
การไปมาหาสู่ติดต่อค้าขายจึงมีอยู่ตลอดเวลาตามระบบของจิตวิญญาณ
2 ความคิดเห็น:
http://ainews1.com/article482.html
คำทำนาย ระบุพ.ศ.
http://ainews1.com/article482.html
แสดงความคิดเห็น